กะหล่ำดอกเจดีย์

กะหล่ำดอกเจดีย์

►กะหล่ำดอกเจดีย์ (Romanesco) เป็นพืชทรงพุ่ม อยู่ในตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี ชอบอากาศหนาวเย็น เป็นดอกเดี่ยว มีดอกขนาดเล็กๆ อยู่รวมกันเป็นช่ออัดตัวกันแน่น ในดอกเดียวกัน มียอดแหลมซ้อนกันเป็นชั้นๆ มียอดคล้ายเจดีย์ ดอกมีหลายช่อเกาะกลุ่มแน่นเป็นช่อๆ อยู่เป็นกระจุก มีสีเขียวอ่อน มีกลีบเลี้ยงสีเขียว ก้านดอกสั้น อยู่ปลายของลำต้น เนื้อแน่นฉ่ำน้ำ รสชาติหวานกรอบ มีกลิ่นเฉพาะตัว มีถิ่นกำเนิดในประเทศอิตาลี ในประเทศไทยปลูกขึ้น ได้ดีในภาคที่มีอากาศเย็น จะนิยมปลูกในฤดูหนาว มีประโยชน์สรรพคุณ ทางยาหลายอย่าง นำมาประกอบอาหารเมนูต่างๆ ได้หลายเมนู

พืชผักสมุนไพร
กะหล่ำดอกเจดีย์ : Romanesco

กะหล่ำดอกเจดีย์ : Romanesco Broccoli,Roman cauliflower
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Brassica oleracea var. italica
อยู่ในวงศ์ : Cruciferae

กะหล่ำดอกเจดีย์ (Ka-lum-Dok-Ja-De) หรือเรียกว่า กะหล่ำดอกโรมาเนสโก้ บร็อคโคลี่เจดีย์ ชอบอากาศหนาวเย็น เป็นพืชล้มลุก มีทรงพุ่ม ลำต้นตั้งตรง มีลักษณะกลมๆ มีขนาดใหญ่อวบ จะมีใบหุ้มโดยรอบๆ จะมีสีเขียว เป็นดอกเดี่ยว มีดอกขนาดเล็กๆ อยู่รวมกันเป็นช่ออัดตัวกันแน่น ในดอกเดียวกัน มียอดแหลมซ้อนกันเป็นชั้นๆ มียอดคล้ายเจดีย์ ดอกมีหลายช่อเกาะกลุ่มแน่นเป็นช่อๆ อยู่เป็นกระจุก มีสีเขียวอ่อน มีกลีบเลี้ยงสีเขียว ก้านดอกสั้น อยู่ปลายของลำต้น เนื้อแน่นฉ่ำน้ำ รสชาติหวานกรอบ ใช้ดอกนำมาประกอบอาหาร เมนูต่างๆ ได้หลายเมนู

กะหล่ำดอกเจดีย์

ลำต้น เป็นพืชล้มลุก มีทรงพุ่ม ลำต้นตั้งตรง มีลักษณะกลมๆ มีขนาดใหญ่อวบ จะมีใบหุ้มโดยรอบๆ จะมีสีเขียว

ใบ เป็นใบเดี่ยว มีลักษณะมีโคนใบกว้าง ใบยาวปลายแหลม ใบจะหุ้มโดยรอบๆลำต้น มีใบหุ้มชั้นนอกหลายชั้น ผิวใบเรียบ ขอบใบหยัก ไม่มีก้านใบ มีสีเขียว

ราก มีระบบรากแก้ว แทงลงในดิน มีลักษณะกลมเล็กๆ มีรากแขนงรากฝอยๆ มีสีน้ำตาล

ดอก เป็นดอกเดี่ยว มีดอกขนาดเล็กๆ อยู่รวมกันเป็นช่ออัดตัวกันแน่น ในดอกเดียวกัน มียอดแหลมซ้อนกันเป็นชั้นๆ มียอดคล้ายเจดีย์ ดอกมีหลายช่อเกาะกลุ่มแน่นเป็นช่อๆ อยู่เป็นกระจุก มีสีเขียวอ่อน มีกลีบเลี้ยงสีเขียว ก้านดอกสั้น อยู่ปลายของลำต้น เนื้อแน่นฉ่ำน้ำ รสชาติหวานกรอบ มีกลิ่นเฉพาะตัว

เมล็ด มีลักษณะทรงกลม มีขนาดเล็กๆ ผิวเรียบลื่น มีสีน้ำตาลเข้ม สีดำ

มีประโยชน์สรรพคุณกะหล่ำดอกเจดีย์

มีวิตามินเอ มีวิตามินอี มีวิตามินเค มีวิตามินบี1 มีวิตามินบี2 มีวิตามินบี3 มีวิตามินบี6 มีวิตามินบี5 มีโพแทสเซียม มีฟอสฟอรัส มีเหล็ก มีแคลเซียม มีแมกนีเซียม มีเส้นใย มีวิตามินซี มีโปรตีน มีโฟเลต มีพลังงาน มีคาร์โบไฮเดรต มีเบต้าแคโรทีน มีไขมัน มีลูทีนซีแซนทีน มีสังกะสี

ช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ช่วยป้องกันโรคมะเร็งผิวหนัง ช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปอด ช่วยป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ป้องกันโรคมะเร็งไทรอยด์ ช่วยป้องกันคอพอก ช่วยบำรุงสายตา ช่วยป้องกันโรคหัวใจ มีภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยบำรุงฟัน ช่วยลดความดันโลหิตสูง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยลดเลือดอุดตันในสมอง ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยลดน้ำตาลในเลือด มีภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันหวัด ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ช่วยลดอาการปวดศรีษะ ช่วยขับถ่าย แก้ท้องผูก

การปลูกและขยายพันธุ์กะหล่ำดอกเจดีย์

กะหล่ำดอกเจดีย์เป็นพืช สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด ชอบดินร่วนซุย การปลูกจะปลูกโดยใช้เมล็ดพันธุ์ ปลูกโดยการเพาะต้นกล้าก่อน เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 15 วัน แล้วจึงทำการย้ายปลูก ในแปลงที่เตรียมไว้ ให้ระยะห่างประมาณ 30×60 เซนติเมตร

วิธีดูแลรักษากะหล่ำดอกเจดีย์

กะหล่ำดอกเจดีย์ชอบอากาศหนาวเย็น เป็นพืชที่ชอบน้ำ ต้องระบายน้ำดี น้ำไม่ขัง ชอบแดด ต้องดูแลรดน้ำเสมอ ต้องหมั่นรดน้ำให้ชุ่ม โดยรดน้ำเช้าเย็น และโดนแดดได้ตลอดวัน ช่วงมีดอก จะต้องการน้ำมาก ต้องหมั่นรดน้ำให้ชุ่ม จะทำให้เติบโตเต็มที่

การเก็บเกี่ยวผลผลิตกะหล่ำดอกเจดีย์

กะหล่ำดอกเจดีย์เก็บเกี่ยว มีอายุประมาณ 70-90 วัน หลังปลูกลงแปลง กะหล่ำดอกเจดีย์โตเกาะเป็นก้อนแน่นที่สุด เป็นดอกที่สมบูรณ์ ดอกแน่นมีขนาดพอดี ไม่อ่อนหรือแก่ไป สีเขียวอ่อน ถ้าปล่อยไว้นานดอกจะหลวม และยืดตัวได้ จะใช้มีดตัดตรงโคน ให้มีใบมีก้านติดมาด้วย แล้วใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้

วิธีเก็บรักษากะหล่ำดอกเจดีย์

จะนำกะหล่ำดอกเจดีย์ แล้วเราจะมีวิธีเก็บรักษาให้สดนานๆ คือนำมาห่อด้วยกระดาษหรือผ้าขาวบาง แล้วใส่ถุงหรือกล่องพลาสติก แล้วนำไปแช่ตู้เย็น จะเก็บไว้ใช้ได้นาน

กะหล่ำดอกเจดีย์ (Romanesco) อยู่ในตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี ดอกขนาดเล็กๆ อยู่รวมกันเป็นช่ออัดตัวกันแน่น ในดอกเดียวกัน มียอดแหลมซ้อนกันเป็นชั้นๆ มียอดคล้ายเจดีย์ สีเขียวอ่อน เนื้อแน่นฉ่ำน้ำ รสชาติหวานกรอบ มีกลิ่นเฉพาะตัว

Be the first to comment

Leave a Reply