สะเดา

สะเดา (neem) เป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้าน
สะเดา (neem) เป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้าน

สะเดา

►สะเดา (Neem) เป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้าน เป็นพืชยื่นต้น เป็นพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่ ใช้ใบ ยอดอ่อนและดอกรับประทาน สะเดามีรสชาติที่ขม มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย จัดเป็นพืชในเขตร้อน ได้มีการปลูกกันในหลายประเทศทั่วไป ใช้ส่วนต่างๆ ได้หลายส่วน นำมาใช้ประโยชน์และสรรพคุณทางยา ใช้นำมารักษาโรคต่างๆ ได้หลายอย่าง จะมีรสชาติขม ที่หลายคนชื่นชอบ จะใช้ใบ ยอดอ่อน และดอกรับประทาน

สะเดา

พืชผักสมุนไพร
สะเดา : Neem

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Azadirachta indica
วงศ์ : Meliaceae

สะเดา เป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้าน เป็นพืชยื่นต้น เป็นพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่ มีลำต้นเดี่ยว ลำต้นมีลักษณะกลม ต้นเป็นทรงเรือนยอด เป็นพืชยื่นต้น เจริญเติบโตได้ง่ายและได้ดี มีความสูงประมาณ 15 เมตร ใบมีลักษณะรูปรี มีสีเขียวเป็นมัน เป็นใบประกอบแบบขนนก ยอดอ่อนสีน้ำตาลแดง ออกดอกเป็นช่อ กลีบดอกจะมีสีขาวนวล ผลสะเดา มีลักษณะรูปทรงรี

สะเดาสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดได้แก่ สะเดาไทย สะเดาอินเดีย และสะเดาช้าง
สะเดาไทยแบ่งออก 2 ชนิดคือ
1.สะเดายอดเขียว จะมีรสชาติความขมน้อยกว่า หรือบางต้นอาจจะขมน้อย จนได­­­้ชื่อว่าสะเดาหวาน หรือสะเดามัน
2.สะเดายอดแดง จะมีรสชาติความขมมากกว่า และเกือบทุกส่วนของต้นสะ­­­เดา ล้วนมีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง

ลำต้นสะเดา ต้นเป็นทรงเรือนยอด เป็นพุ่มหนาทึบตลอดปี เป็นพืชยื่นต้น เป็นพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่ มีลำต้นเดี่ยว ลำต้นมีลักษณะกลมๆ แข็งและเหนียว เปลือกต้นแตกสีน้ำตาลแข็ง เป็นร่องลึกตามยาว มีสีน้ำตาล ลำต้นมีความสูงมาก

ใบสะเดา ใบมีลักษณะรูปรี ใบคล้ายหอก โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นฟันเลื่อย แผ่นใบเรียบ มีสีเขียวเป็นมัน เป็นใบประกอบแบบขนนก มีก้านใบย่อย แตกออกจากแกนกลางใบ ใบย่อยออกตรงข้ามกัน ออกเรียงสลับ จะมีกลิ่นเฉพาะตัว ยอดอ่อนมีสีน้ำตาลแดง ใช้ใบและยอดอ่อน นำมารับประทาน

รากและแก่นสะเดา เป็นระบบรากแก้ว มีรากที่แข็งแรง กว้างขวางและหยั่งลึก รากมีลักษณะกลมๆ มีรากฝอยๆ มีสีน้ำตาล มีกลิ่นเฉพาะตัว รากสะเดามีรสขมฝาดเย็น

ยางสะเดา จะมีสีขาวนวล ใช้ดับพิษร้อน ใช้ถอนพิษไข้

ดอกสะเดา ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกจะมีสีขาวนวล ก้านช่อดอกจะสั้น แตกกิ่งช่อดอกตรงปลาย ดอกสะเดาจะมีในช่วงต้นฤดูหนาว

ผลสะเดา มีลักษณะรูปทรงรี มีผิวเรียบ ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองส้ม ภายในจะมีเมล็ดอยู่ มีเนื้อเยื่อหุ้มเมล็ด มีสารรสขม

เมล็ดสะเดา จะอยู่ภายในผล จะมีเมล็ดเดี่ยว มีลักษณะรูปทรงรี มีสีขาว มีเนื้อเยื่อหุ้มเมล็ดรอบๆ นำมาสกัดเป็นน้ำมันสะเดาบริสุทธิ์

ดอกสะเดา

ประโยชน์และมีสรรพคุณสะเดา

มีโปรตีน มีแร่ธาตุ มีวิตามิน มีพลังงาน มีคาร์โบไฮเดรต มีไขมัน มีแคลเซี่ยม มีฟอสฟอรัส มีเหล็ก มีเบต้า-แคโรทีน มีวิตามินบี1 มีวิตามินบี2 มีวิตามินซี มีเส้นใยอาหาร มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยชะลอความจำเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ ระบบภูมิคุ้มกันลดลง และโรคมะเร็ง ใช้ฆ่าแมลงได้ดี โดยไม่มีพิษและอันตราย
-ใบอ่อน ใช้แก้โรคผิวหนัง ปรับสมดุลน้ำเหลือง รักษาแผลพุพอง ใบแก่ใช้บำรุงธาตุ ใช้ช่วยย่อยอาหาร ก้านใบ ใช้แก้ไข้ ใช้บำรุงน้ำดี ใช้แก้ร้อนในกระหายน้ำ ใช้บำรุงสุขภาพในช่องปาก ใบเป็นยาฆ่าแมลง ฆ่าเชื้อ ใบอ่อนเป็นยาเจริญอาหาร และช่วยย่อยอาหาร ยอดอ่อนใช้ถ่ายพยาธิ์ แก้ริดสีดวง และปัสสาวะพิการ
-ราก ใช้แก้เสมหะในลำคอ ใช้แก้เสมหะที่เกาะแน่นในทรวงอก ใช้แก่นสะเดา แก้คลื่นไส้ ใช้แก้อาเจียน แก้ไข้จับสั่น ใช้บำรุงโลหิต ใช้บำรุงธาตุไฟ ใช้เป็นยาเจริญอาหาร ใช้เป็นยาสมานแผล แก้ไข้มาเลเรีย ใช้เป็นยาสมานแผล แก้ไข้ แก้คลื่นเหียนอาเจียน ใช้ทําให้อาเจียน แก้โรคผิวหนัง ใช้แก้ลม
-ดอก ใช้แก้พิษโลหิต ใช้บรรเทาเลือดกำเดาไหล แก้ริดสีดวง ใช้อาการคันคอ บำรุงธาตุไฟ แก้พิษเลือดกําเดา ใช้บํารุงธาตุ เป็นยาเจริญอาหาร ใช้ช่วยย่อยอาหาร
-ผล ใช้เพื่อบำรุงหัวใจ ใช้เป็นยาระบาย แก้อาการหัวใจเต้นผิดปกติ แก้โรคหัวใจ ใช้ผลอ่อน เพื่อช่วยเจริญอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ใช้ฆ่าพยาธิ แก้ริดสีดวง แก้ปัสสาวะขัด
-เมล็ด นำมาสกัดเป็นน้ำมันสะเดาบริสุทธิ์ ใช้บำรุงผิวพรรณและเส้นผม ใช้รักษาโรคผิวหนัง เป็นยาฆ่าแมลง ฆ่าเชื้อ เป็นสารยับยั้ง การเจริญเติบโตแพร่พันธุ์แมลง
-เปลือกต้นสะเดา ใช้เป็นยาเจริญอาหาร แก้ไข แก้บิดมูกเลือด แก้ท้องร่วง แก้กษัย แก้โรคซูบผอมแห้งแรงน้อย ลดเสมหะ แก้อาการท้องเดิน แก้บิด แก้มูกเป็นเลือด เปลือกต้นแก้ไข้มาเลเรีย เนื้อไม้ใช้ก่อสร้างบ้านเรือน ทำเฟอร์นิเจอร์

ข้อควรระวัง

ห้ามใช้กับคนที่มีความดันโลหิตต่ำ เนื่องจากสะเดา จะไปลดความดันให้ต่ำลงมาอีก ทำให้หน้ามืดเป็นลม
สะเดามีรสขม จึงเป็นยาเย็น บางคนอาจไม่ถูกกับยาเย็น จึงทำให้ท้องอืดเกิดลมในกระเพาะ
หญิงที่ให้นมบุตร ห้ามรับประทานเพราะจะทำให้น้ำนมไม่มี

การปลูกและขยายพันธุ์สะเดา

สะเดาเป็นพืชสวนครัว เป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ปลูกง่าย ลงทุนน้อย ดูแลรักษาง่าย ปลูกได้ตลอดทั้งปี สะเดาที่ปลูกในช่วงฤดูฝน เจริญเติบโตได้ดี
-วิธีการปลูกนิยม ใช้วิธีการเพาะเมล็ด เนื่องจากได้ต้นสะเดาที่แข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม มากกว่าการปลูกด้วยวิธีอื่นๆ สำหรับแปรรูปไม้ได้
-ปลูกด้วยต้นกล้าที่ได้ จากการตอนกิ่ง จะทำให้ต้นเติบโตเตี้ย ขนาดลำต้น และความสูง ส่วนการปลูกเพื่อรับประทานดอก อาจใช้ต้นพันธุ์ที่ได้ จากการตอน หรือการเสียบกิ่งก็ได้

วิธีการเพาะเมล็ดสะเดา ล้างเมล็ดให้สะอาด ตากเมล็ดไว้ให้แห้ง
-การเพาะในถุงเพาะชำ จะนำถุงพลาสติก มาใส่ดินร่วนปนทราย แล้วจะนำเมล็ดสะเดา 1 เมล็ด มาใส่ฝังลงผิวดินกลบจนมิด
-การหว่านเมล็ดในแปลงเพาะ เมล็ดจะงอกใช้เวลา ประมาณ 7 วัน แล้วรดน้ำทุกวัน อย่าให้แฉะจนเกินไป เมื่อต้นกล้าจากการเพาะ มีอายุประมาณ 3 เดือน ความสูงของต้นประมาณ 30 ซม. จะย้ายลงดินที่เตรียมไว้ โดยปลูกระยะต้นห่างกัน ประมาณ 2-4 เมตร ระยะห่างของแถวประมาณ 4-8 เมตร เพื่อให้ต้นสะเดาเจริญเติบโตได้ดี

วิธีดูแลรักษาสะเดา

การดูแลสะเดาหลังการปลูก จะไม่ยุงยากมากนัก เนื่องจากสะเดาสามารถ ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี หลังจากปลูกลงในแปลง ให้รดน้ำทุกวัน จนกว่าเริ่มแตกใบ ประมาณ 1-2 เดือน หลังจากนี้ปล่อยตามธรรมชาติ ปลูกในช่วงฤดูฝน จะเจริญเติบโตได้ดี

การเก็บผลผลิตสะเดา

จะเริ่มเก็บผลผลิตเมื่อ สะเดาเริ่มโตเต็มที่ เมื่อปลูกสะเดาได้ประมาณ 6 เดือน หลังปลูกลงในแปลง จะสามารถเก็บเกี่ยวยอดอ่อนได้ การเก็บดอกสะเดา จะเก็บได้ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ของทุกปี ควรหมั่นเด็ดยอด ให้แตกทรงพุ่มต่ำประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อให้แตกสาขาพุ่มเตี้ยและกว้าง เพื่อที่จะได้ดอกที่ออกตามยอด ทำให้มีปริมาณดอกสะเดาจำนวนมาก สะเดาจะเริ่มติดผล อายุประมาณ 3-5 ปี
-การทำไม้แปรรูป จะตัดต้นสะเดาได้เมื่อ มีอายุประมาณ 5 ปี ขึ้นไป ปกติจะใช้เวลานาน 10-20 ปี เพื่อให้ได้ลำต้นใหญ่ เนื้อไม้แน่น และไม้มีลวดลายสวยงาม

วิธีเก็บรักษาสะเดา

สะเดาเป็นผักที่เหี่ยวง่ายมาก และดอกจะร่วงเร็ว เราจะมีวิธีเก็บรักษาสะเดาให้สดนานๆ คือให้นำมาห่อด้วยกระดาษหรือผ้าขาวบาง แล้วใส่ถุงหรือกล่องพลาสติก แล้วนำไปแช่ตู้เย็น จะเก็บไว้ใช้ได้นาน

Be the first to comment

Leave a Reply