อะโวคาโด

อะโวคาโด
อะโวคาโด

อะโวคาโด

►อะโวคาโด (Avocado) เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดีต่อสุขภาพมาก เป็นไม้ยืนต้น ที่มีต้นโตเต็มที่จะใหญ่พอประมาณ ใบสีเขียวสด เป็นต้นไม้พื้นเมือง มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก เป็นไม้ยืนต้นที่นิยมปลูกกันมาก อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเป็นเนย อะโวคาโดมี 3 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็จะมีหลายพันธุ์ ซึ่งก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป บางสายพันธุ์มีเปลือกหนา และบางสายพันธุ์จะมีเปลือกบาง เนื้ออะโวคาโดมีสีเหลืองอ่อน จนถึงสีออกเหลืองเข้ม อะโวคาโดมีรสชาติมัน เป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเป็นเนย เนื้ออะโวคาโดจะละเอียด ไม่มีกลิ่น และอะโวคาโดจะมีเมล็ดเดียว อยู่ตรงกลางระหว่างเนื้ออะโวคาโด มีประโยชน์และสรรพคุณทางยาหลายอย่าง และนิยมนำมารับประทาน และนำมาประกอบอาหาร ได้หลากหลายเมนู

อะโวคาโด

ผลไม้
อะโวคาโด : Avocado

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Persea americana Mill
อยู่ในวงค์ : Lauraceae

อะโวคาโด เป็นไม้ยืนต้น ที่มีต้นโตเต็มที่จะใหญ่พอประมาณ จะมีความสูงประมาณ 20 เมตร เปลือกของต้นอะโวคาโด จะมีสีน้ำตาลอ่อน จะมีผิวขรุขระ อะโวคาโดจะมีใบสีเขียวสด ใบกว้างยาวรี มีดอกขนาดเล็ก มีสีเขียวอมเหลือง ดอกจะออกเป็นช่อๆ ผลอะโวคาโด จะมีลักษณะกลมรี อาโวคาโดจำแนกแบ่งออก ตามลักษณะเป็น 3 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็จะมีหลายพันธุ์ ซึ่งก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปอีก

1.อาโวคาโดสายพันธุ์กัวเตมาลา จะผลสีเขียว มีผลขรุขระ มีเมล็ดเรียบเล็กออกกลมๆ เนื้ออะโวคาโดจะหนา มีไขมันสูง และจะชอบอากาศที่หนาวเย็นถึงปานกลาง

2.อาโวคาโดสายพันธุ์อินดีสตะวันตก จะมีผิวผลเรียบเป็นมัน มีสีเขียวอมเหลือง มีเปลือกค่อนข้างหนา จะมีเมล็ดอยู่อย่างหลวมๆ รสชาติจะออกหวานนิดๆ จะมีไขมันน้อย และจะชอบอากาศร้อน จะเจริญเติบโตได้ดี

3.อาโวคาโดสายพันธุ์เม็กซิโก หรือสายพันธุ์พื้นเมือง จะมีเปลือกบางกว่าอีก 2 จำพวก จะมีผลเล็กเรียบๆ เมื่อแก่จัดสีของผลจะออกสีม่วง เปลือกหุ้มเมล็ดบาง จะมีเมล็ดใหญ่อยู่อย่างหลวมๆ จะมีไขมันมากที่สุด และจะสามารถทนอากาศหนาวเย็นได้ดี

อะโวคาโดผ่าครึง

ลำต้นอะโวคาโด เป็นไม้ยืนต้น ที่มีต้นโตเต็มที่จะใหญ่พอประมาณ จะมีความสูงประมาณ 20 เมตร เปลือกของต้นอะโวคาโด จะมีสีน้ำตาลอ่อน จะมีผิวขรุขระ

ใบอะโวคาโด จะมีลักษณะใหญ่ยาวรี จับดูจะสากมือ ใบมีเส้นลายลึกชัดเจน จะมีใบสีเขียวสด

ดอกอะโวคาโด จะมีสีเขียวอมเหลือง จะมีดอกขนาดเล็ก ดอกจะออกเป็นช่อๆ ที่ปลายกิ่ง

ผลอะโวคาโด จะมีลักษณะกลมรี อะโวคาโดจะมีทั้งสายพันธุ์ ที่มีเปลือกหนาและสายพันธุ์เปลือกบาง เนื้อของอะโวคาโด จะมีสีเหลืองอ่อน จนถึงออกสีเหลืองเข้ม อะโวคาโดจะมีรสชาติมัน เป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเป็นเนย เนื้ออะโวคาโดจะละเอียด ไม่มีกลิ่น และอะโวคาโดจะมีเมล็ดเดียว อยู่ตรงกลางของผล

อะโวคาโดจัดใส่จาน

การรับประทานอาโวคาโด
จะรับประทานอาโวคาโดเมื่อผลสุกเท่านั้น จะรับประทานเป็นผลไม้สด ใส่ในสลัดต่างๆ อาโวคาโดจะรับประทานดิบไม่ได้ เพราะจะมีแทนนิน ทำให้มีรสชาติขมมากๆ ถ้ารับประทานมากๆ จะเกิดอาการปวดศีรษะได้ ชาวเม็กซิโกจะใช้เนื้อ ของอาโวคาโด ใช้ปรุงเป็นอาหารแทนเนยได้

อะโวคาโดหั่นชิ้น

สรรพคุณและประโยชน์อาโวคาโด

มีวิตามินซี ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ช่วยป้องกันหวัด มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินบี ป้องกันปากนกกระจอก แก้อาการเหน็บชา มีวิตามินอี ป้องกันมะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจ มีโฟเลต ช่วยบำรุงหญิงมีครรภ์ มีโซเดียม มีโพแทสเซียม ช่วยลอคอเลสเตอรอลได้ ให้พลังงาน มีโปรตีน มีใยอาหาร มีไขมัน ช่วยบำรุงผม
สามารถนำมาสกัดน้ำมัน ทำเครื่องสำอางต่างๆ

พิษของอาโวคาโด
บางคนแพ้อาโวคาโด จะมีอาการ ได้แก่ ลมพิษ ผื่นคัน ปวดท้อง อาเจียน หรืออาจจะเสียชีวิตได้
การแพ้ในละอองเกสร หรือหลังจากรับประทานอาโวคาโดเข้าไป ที่เรียกว่าการแพ้ลาเท็กซ์
ผล ใบ เปลือกต้น และเปลือกชั้นเอนโดคาร์บของอาโวคาโด เป็นพิษต่อสัตว์หลายชนิด

อะโวคาโดบดละเอียด

การปลูกขยายพันธุ์อาโวคาโด

อาโวคาโดชอบดินร่วนซุย ชอบแสงแดด ชอบดินชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะ ระบายน้ำดี มีความทนทานดีมาก การปลูกจะทำได้ 2 วิธี
1.ใช้เมล็ดปลูก จะไห้ผลผลิตช้า ใช้เวลาประมาณ 6-7 ปี จะทำได้โดยนำเมล็ดมาปลูกลงในหลุมเลย หรือนำมาใช้ไม้จิ้มรอบๆเมล็ด แล้วนำมาแช่น้ำให้ราก และต้นอ่อนงอกออกมา แล้วนำไปปลูกในหลุมที่เตรียมไว้
2.การปลูกใช้การติดตาตอนกิ่ง จะไห้ผลผลิตเร็วกว่า ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี จะสามารถควบคุมคุณภาพ และปริมาณของผลได้ วิธีนี้จะนิยมปลูกมากกว่า

การดูแลรักษา

อาโวคาโดชอบดินชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะ ระบายน้ำดี ช่วงที่ปลูกแรกๆ ให้รดน้ำทุกวัน หลังจากต้นโตประมาณ เดือน ก็ให้รดน้ำวันเว้นวัน แล้วหมั่นพรวนดินบ้าง จะมีความทนทานดีมาก

การเก็บเกี่ยวผลผลิต

ใช้เมล็ดปลูก จะไห้ผลผลิตช้า ใช้เวลาประมาณ 6-7 ปี การปลูกใช้การติดตาตอนกิ่ง จะไห้ผลผลิตเร็วกว่า ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี เมื่อลูกโตเต็มที่ เราจะเก็บลงมาจากต้น ให้ระวังทำหล่นลงพื้น จะทำให้เสียหายได้ แล้วจะนำมาบรรจุภาชนะที่เตรียมไว้ สามารถเก็บรักษาไว้ได้จนกว่าจะสุกพอดี โดยเราจะใช้มือบีบเบาๆ ถ้าลูกออกนิ่มๆแสดงว่าสุกเต็มที่ พร้อมรับประทานได้

Be the first to comment

Leave a Reply